ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทำ MOU ด้านวิชาการ มหาวิทยาลัยในเกาหลี

21/06/2021
|
36
|
0
|
1

ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานและนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทรงพระกรุณาโปรดให้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รักษาการรองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นผู้แทนพระองค์ ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กับ มหาวิทยาลัยยอนเซ วิทยาเขตมิเร สาธารณรัฐเกาหลี

ณ ห้องประชุม 3D – 301 อาคารวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร โดยมี ศาสตราจารย์แพทย์หญิงยุวเรศมคฐ์ สิทธิชาญบัญชา รักษาการรองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีรภัทร อึ้งตระกูล รักษาการคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒนผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์วิสุทธิ์ ล้ำเลิศธน รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เธียรสิน เลี่ยมสุวรรณ ผู้ช่วยคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ฝ่ายบัณฑิตศึกษาและการศึกษาต่อเนื่อง รอรับผู้แทนพระองค์

 

สำหรับการลงนามความร่วมมือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ความร่วมมือทางวิชาการ ด้านการวิจัย การศึกษา และการฝึกอบรมระหว่างสถาบัน มหาวิทยาลัยยอนเซ วิทยาเขตมิเร สาธารณรัฐเกาหลี ให้ความสำคัญกับการศึกษาแบบสหวิทยาการ โดยบูรณาการด้านซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีข้อมูล สุขภาพดิจิทัล วิศวกรรมชีวการแพทย์ การบริหารสุขภาพและวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการชีวการแพทย์ เพื่อผลิตบุคลากรที่มีทักษะด้านสุขภาพดิจิทัล สามารถนำ AI , Big Data และเทคโนโลยีสารสนเทศไปประยุกต์ใช้ในยุคการแพทย์แม่นยำ และการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล

นอกจากนี้ ภาควิชาวิศวกรรมรังสีบูรณาการยังมุ่งพัฒนาบุคลากรด้านรังสีมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านฮาร์ดแวร์และชอฟต์แวร์รังสี เพื่อเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนในวงการแพทย์ด้านรังสี และสุขภาพดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ

 ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะสร้างโอกาสใหม่ในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ ส่งเสริมการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างบุคลากรทางวิชาการ ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างไทย – เกาหลีในด้านสุขภาพดิจิทัลและวิศวกรรมรังสีอย่างยั่งยืน

 เพื่อสนับสนุนการผลิตงานวิจัยเชิงนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง และยกระดับศักยภาพของบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายในยุคการแพทย์แม่นยำ และเทคโนโลยีสุขภาพดิจิทัลให้กับทั้งสองประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป